วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

Filled Under:

อันตรายจากครีมออนไลน์

อันตรายจากครีมออนไลน์


     เมื่อสาวๆอยากขาวใส ไร้สิวฝา เหมือนดาราเกาหลี หลังจากที่ใช้ผลิตภัณฑ์ครีม เคาน์เตอร์แบรนด์แล้วได้ผลช้า หรืออาจจะไม่ได้ผลเลย สาวๆหลายคนจึงหันมาใช้ ครีมโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตที่เขาว่าดีผ่านปากต่อปากว่าขาว หน้าเด้ง ทันใจ  แต่หารู้ไม่ผลิตภัณฑ์บางตัวมีสารต้องห้าม ที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง

มาดูกันดีกว่าว่าสารต้องห้ามที่พบบ่อยในเครื่องสำอางหน้าขาวมีอะไร และจะตรวจสอบได้อย่างไร 
สารห้ามใช้ที่พบบ่อยมี 3 ชนิด ได้แก่ สารประกอบของปรอท (Mercury compounds), สารไฮโดรควิโนน ( Hydroquinone ) และ กรดวิตามินเอ ( Retinoic acid )

1. สารประกอบของปรอท 
    ปรอทจะยับยั้งการสร้างเม็ดสี หรือที่เรียกว่าเมลานิน ทำให้หน้าขาวในเวลาอันรวดเร็ใ หากนำมาใช้เร่งผิวขาวสารชนินจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เบื้องต้นอาจจะทำให้เกิดอาการ ผื่นคัน ผิวหน้าดำ พิษเฉียบพลัน สิวเห่อ หน้าบวมแดง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสียง มีแผลในปาก ไตวาย ถ่ายเป็นเลือด ส่วนพิษเรื้อรังเกิดจากการสะสมของปรอท คือ ผิวด่าง ดำ ทำให้สมอง ตับ ไต ผิดปกติ ทางเดินปัสสาวะอักเสบได้
   
2. สารไฮโดรควิโนน
      ปกติสารไฮโดรควิโนนจะพบได้ในคลินิคผิวหนัง หรือโรงพยาบาลใช้ในการรักษาฝา สารไฮโรควิโนนเคยเป็นสารที่นิยมใช้กันมากในครีมป้องกันฝ้า ความเข้มข้นไม่เกินร้อยละ 2-4 สารนี้ออกฤทธิ์ลดการสร้างเมลานินเพียงชั่วคราว หากหยุดใช้จะกลับเป็นอย่างเดิมหรือเป็นมากกว่าเดิม ไฮโดรควิโนนมักทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับกรดวิตามินเอ และหากใช้ไฮโดรควิโนนติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 6 เดือน จะทำให้เนื้อเยื่อภายในผิวหนังเกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำ ดังนั้น ไฮโดรควิโนนจึงถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางในปัจจุบัน

วิธีตรวจหาสารปรอท และไฮโดรควิโนนแบบง่ายๆ 
1. เอาผงซักฟอกละลายน้ำในอัตราส่วนที่เข้มข้น จะได้เนื้อผงซักฟอกเป็นครีมๆ ทิ้งไว้ 1-2 นาที
2.จากนั้นเอาครีมต้องสงสัยออกมาปป้ายไว้ที่กระดาษสีขาว
3.จากนั้นใช้คัตเติ้ลบัตจุ่มลงที่ผงซักฟอกที่เป็นเนื้อครีมแล้วนำมาถูก กับครีมที่เราตักใส่กระดาษไว้  จากนั้นทิ้งไว้สัก 1-2 นาที  

ผลของการทดลอง หากครีมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลเกือบดำ แสดงวว่าครีมนั้นมีสารปรอทหรือไฮโดควิโนน ควรเลิกใช้
หรือถ้าหากต้องการความชัวร์ ให้นำครีมต้องสงสัยไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์ จะดี

3.กรดวิตามินเอ ( Retinoic acid ) 
    เป็นสารที่พบในวงการแพทย์นำมารักษาสิว จุดด่างดำ และทำให้ผิวขาวใส แต่ต้องอยู่ในการดูแลและควบคุมของแพทย์ เพราะอาจจะมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันไป เช่น ทำให้เกิดผิวหน้าแดง เกิดการอักเสบ ผิวหน้าลอก หากได้รับสารนี้เข้าไปมาก อาจจะเข้าสู่กระแสเลือด ทำลายประสาท ทำให้กล้าเนื้ออ่อนแอ ไตทำงานผิดปกติ ทาจจะทำใให้เป็นโรคนอนไม่หลับ และอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์

4.สารสเตียรอยด์
   สเตียรอยด์มีประโยชน์ คือ แก้แพ้ แก้คัน แก้ผื่นผิวหนังอักเสบ บางคนพอใช้แล้วหน้าเรียบ ก็เลยใช้ต่อเนื่อง ถ้าใช้ช่วงสั้น ๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าใช้นาน ๆ จะติด ไม่ใช้ไม่ได้ และเพิ่มความแรงของยาขึ้นเรื่อย ๆ ตรงนี้เองที่ทำให้เกิดปัญหาหยุดไม่ได้ พอหยุดผิวหนังจะอักเสบเห่อขึ้นมา สารสเตียรอยด์จะไม่เหมือนสารที่ใช้ในการรักษาฝ้า ที่จะต้องค่อยๆ ถอย ค่อยๆ ลด แต่อันนี้ต้องหยุดเลย และอาจต้องใช้เวลาในการรักษา

วิธีตรวจสอบสารสเตียรอยด์แบบง่ายๆ
    ทาครีมบริเวณท้องแขน แล้วปิดพลาสเตอร์ไว้ 6 ชม.  แล้วแกะออก ถ้าผิวบริเวณนั้นเปลี่ยนสี หรือซีดผิดปกติ แสดงว่ามีสาร สารสเตียรอยด์

วิธีการดูแลผิวหน้าที่ถูกต้อง 
จากนายแพทย์ชูชัย ตั้งเลิศสัมพัธ์ อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทสไทย กล่าวได้ดังนี้
1. รักษาความสะอาดตามสภาพผิว เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับใบหน้า เช่น ผืวหน้าแห้ง ผิวหน้ามัน หรือผิวหน้าผสม
2. ถ้าผิวหน้าแห้ง อาจจะใช้ครีมบำรุงผิว หรือถ้าเป็นผิวผสมอาจจะใช้ครีมในบางพื้นที่ที่ผิวแห้ง
3.อาจจะใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคน
   นพ.ชูชัย ก่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ ครีมหน้าขาว เพราะไม่ว่าผู้หยิง ผู้ชายก็อยากจะได้ผิวหน้าที่ขาวใส ตามค่านิยมของคนเอเชียและตามกระแสโฆษณา จึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์หน้าขาวจำนวนมาก ที่ทั้งได้มาตราฐานและไม่ได้มาตราฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการ สารที่พบมากก็เป็นจำพวกที่ได้กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นผู้บริโภคควรตระหนักว่า ครีมหน้าขาวอาจจะมีส่วนช่วยบ้าง และต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นควรเลือกซื้อเครื่องสำอางที่ได้รับรองจาก อย. เท่านั้น 


http://www.nationchannel.com/main/programs/Nation_X_Files/20130909/378383527/  วีดีโอ ระวังภัยจากครีมจาก สำนักข่าว nation

วิธีการเช็ค อย. และขั้นตอนตรวจสอบเลขที่ อย.



0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น