วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี

ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี

 เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึงได้อ่านข้อความทางไลน์ เกี่ยวกับเรื่องของหนังสือที่อยากให้คนหิวมากกว่าอิ่ม คือ "ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี " เนื้อหาในไลน์มีอยู่ว่า


" ผู้เขียนเนี่ยเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น  เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดนำ้หนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ  และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา

ในตอนท้ายผู้เขียนบอกในหน้า 198 ว่า

“สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี  โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์

บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น...แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย

…เมื่อเข้าสู่วัยชรา  ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน  ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ....

…ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่าจะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน  หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง  มีกำลังวังชา  รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย  แล้วจากไปอย่างสง่างาม”

บทนำ
ผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ  ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี

บทที่ 1:
เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้  ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว  ดังนั้นร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง  เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆภายในร่างกาย  ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา  ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น  ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด

ปัญหาก็คือเมื่อร่างกายอิ่ม  กลไกนี้ไม่เกิด  เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ

สรุปง่ายๆคือ  การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ  และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม  เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี  ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่ากายเรารวนนั่นเอง

บทที่ 2:
พูดถึงการกินวันละมื้อ  โดยแนะนำรายละอียดจากการที่เขาทำมาแล้วได้ผล  (สำหรับผมแล้วคิดว่าคงทำตามยาก)  แต่หัวใจคือ  ในบทนี้เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ  เพราะว่าเขากำลังรู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยจากกระบวนการที่เล่ามา

บทที่ 3:
ในหน้า 125-129 คือหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้  เพราะผู้เขียนอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์  เช่น

1. ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่  ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที  ลำไส้เล็กจะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหารโมลิติน (Molitin)  ออกมา  ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว  เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก  เรียกว่า  “การบีบตัวเมื่อหิว”  และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ

2. เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin)  ออกมา  เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว  โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus)  ทำให้เกิดความอยากอาหาร  ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง  ทำให้หลั่ง Growth Hormone  ออกมา  เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า  “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็นหนุ่มสาว”  นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆเพราะหิว  คุณจะค่อยๆมีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว  ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร  ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน

3. ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆนั้น  ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา  นั่นก็คือ  “ยีนเซอร์ทูอิน”  ที่มีสมญาว่า  “ยีนต่ออายุขัย”  หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  “ยีนที่ทำให้อายุยืน”  จากการทดลองกับสัตว์ทุกชนิดพบว่า  เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า  ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ  นั่นคือ  “ความหิว”  ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว  ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน  ดังนั้น  การกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์  มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า  แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย  กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน  ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ

4. เมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง  ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร  ทำให้หน้าท้องแบนราบ

บทที่ 4:
พูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการกินวันละมื้อ  แต่มีข้อมูลใหม่ว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดคือระหว่าง สี่ทุ่มถึงตีสอง

ความเห็นส่วนตัว

หลังจากอ่านจบผมคิดว่าสิ่งที่จะทำคือ

1. รอให้ท้องร้องจ๊อกๆบ่อยๆเพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง
2. ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ

ส่วนกินมื้อเดียวยังไม่ทำเพราะว่ามัน Hardcore เกินไป

แต่ละท่านอ่านแล้วก็ลองใช้วิจารณญาณดูละกันครับ  แต่ผม search หาข้อมูลสนับสนุนมากพอควรก่อนจะตัดสินใจสรุปเป็น Note นี้มาให้อ่านกันครับ

หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี”  เขียนโดย นพ.โยะชิโนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) แปลโดยพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์   จัดพิมพ์โดยสนพ. วีเลิร์น
สรุปโดย: เกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย "





วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

Timehop แอปย้อนดูโพสเก่าบน โซเชียล

  
วันนี้นแอปพลิชันตัวนี้มะพูดซะหน่อย Timehop เป็นแอปที่ทำให้เราสามารถย้อนดูโพสต์เก่าๆ บน facebook ,twitter หรือว่า Instagram  ก็ได้นะ ว่าอดีตในวันนั้นๆของเรามีการโพสอะไรลงไปบ้าง



ซึ่งตัวแอปก็จะแสดงสเตตัส รูปที่เราโพสหรือรูปที่เราถูกแท็กโดยจะแสดงเฉพาะรายวันเท่านั้น
ตัวอย่างเนอะ


อะไรประมาณนี้  ละถ้าใครอยากโกงเวลา คือไม่อยากรออะ  ฉันอยากจะไปดูวันวาเลนไทร์เลยได้มะ ช่วงนั้นของแต่ละปีเป็นไง  ก็ถ้าใครใช้แอปนี้ที่อุปกรณ์ชนิดไหน ก็สามารถเข้าไปแก้เวลาในเครื่องที่เราเล่นได้เลย จากนั้นเปิดเข้ามาในแอปพลิเคชันตัวนี้ และสนุกกับการดูโพสเก่าๆของเราได้เลย  

วีซ่าแชงเก้น (Schengen Visa) คือ??




Q : วีซ่าแชงเก้น คือ ?

 ใครจะไปยุโรปนี้พลาดไม่ได้เลยนะกับวีซ่าแชงเก้น วีซ่าแชงเก้นใช้ในการเดินทางเข้าออกยุโรปสำหรับผู้ที่จะไปเที่ยวยุโรป โดยเดินทาได้ 26 ประเทศ โดยตกลงกันภายในยุโรปว่าใครมีวีซ่านี้สามารถเดินทางเข้าออกในประเทศนั้นๆได้ แต่ยกเว้นประเทศอังกฤษนะจ๊ะ เพราะอังกฤษเนี่ยอยู่ในสหภาพยุโรปจริง (EU) แต่ไม่ได้เข้าร่วมแชงเก้นกับประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ใครอยากไปอังกฤษต้องขอวีซ่าโดยตรงจากสถานฑูตอังกฤษล่ะเน๊อ การขอวีซ่าแชงเก้นต้องยื่นคำขอต่อสถานฑูตของประเทศที่จะเดินทางปประเทศแรก เช่น เดินทางไป สวีเดน อิตาลี ฝรั่งเศส คุณต้องไปขอวีซ่าจากสถานฑูตของสวีเดน โอเค๊


 Q : แล้วประเทศที่สามารถเดินทางโดยใช้วีซ่าแชงเก้นมีประเทศบ้าง ?

 ขอ 1 ได้ถึง 26 ออสเตรีย เบลเยี่ยม สาธารณรัฐเชก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี อิตาลี ลัตเวีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มอลตา เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สโลวัก สโลวีเนีย สเปน และสวีเดน และอีกสามประเทศนอกสหภาพยุโรปได้แก่ นอร์เว ไอซ์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์

 Q : วีซ่าแชงเก้นมีกี่ประเภท แล้วระยะเวลาเดินทางอยู่ได้ที่วัน ?

  
วีซ่าแชงเก้นมี 4 ประเภท

 1.วีซ่าเช็งเก้น ประเภท A เป็นวีซ่าทรานซิท กรณีที่เดินทางทางอากาศ และมีการ stop-over หรือ แวะ ในประเทศที่เป็นเชงเก้น ในระหว่างการเดินทางระหว่างประเทศหนึ่ง ไป อีกประเทศหนึ่ง แต่ถ้าไม่ได้ออกนอกสนามบิน ก็ไม่ต้องขอวีซ่าประเภทนี้

2.วีซ่าเช็งเก้น ประเภท B เป็นวีซ่าทรานซิท เช่นกัน คล้ายกับประเภท A แต่ ประเภท B เป็นวีซ่าที่มีอายุไม่เกิน 5 วัน สำหรับผู้ที่ถือพาสสปอร์ต ที่ไม่ได้เป็น visa-free สำหรับประเทศปลายทาง (ที่ไม่ใช่เชงเก้น) เช่น คนไทย จะเดินทางไป สหรัฐอเมริกา ต้องมีวีซ่าอเมริกา กรณีนี้ หากจะแวะ”ผ่าน” ยุโรป สามารถขอวีซ่าประเภทนี้ได้ แต่ได้ไม่เกินครั้งละ 5 วันเท่านั้น

3.วีซ่าเช็งเก้น ประเภท C Short-term stay visa วีซ่าเพื่อการพำนักระยะสั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะขอเป็นวีซ่าประเภทนี้กัน รวมถึงการเดินทางมาท่องเที่ยวด้วย และวีซ่าประเภทนี้ผู้เดินทางไม่สามารถอยู่ใน EU ได้เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลารวมครึ่งปี (เช่น อาจจะมาหลายครั้งภายใน 6 เดือน ครั้งแรกอยู่ 30 วัน ครั้งสองอยู่ 30 วัน ครั้งที่สาม ถ้ายังอยู่ในระยะหกเดือน ไม่สามารถขอวีซ่าเกิน 30 วันแล้ว เพราะนั่นจะทำให้รวมกันแล้วเกิน 90 วันภายใน 6 เดือน)

 4.วีซ่าเช็งเก้น ประเภท D วีซ่าประเภทนี้ ใช้เข้าได้เฉพาะประเทศที่คุณขอไปเท่านั้น เช่นขอที่สถานฑูตสวีเดน วีซ่านักเรียน สถานทูตจะออกวิซ่า type D ให้ คือต้องเข้าเฉพาะสวีเดน และห้ามออกไปประเทศอื่น จนกว่าจะไปทำเรื่องขอ ID นักเรียนที่สวีเดนซะก่อน พอได้ ID นี้แล้วถึงสามารถเดินทางไปประเทศในกลุ่มเชงเก้นประเทศอื่นได้


 Q : ขอวีซ่าเชงเก็นได้ที่ไหน?
สามารถยื่นใบสมัครขอวีซ่าเชงเก็นได้จากสถานทูตของประเทศเชงเก็นใดก็ได้ในประเทศของท่าน หากท่านวางแผนเดินทางไปยังประเทศในยุโรปมากกว่า 1 ประเทศ ท่านสามารถยื่นใบสมัครขอวีซ่าจากสถานทูตประเทศที่ท่านวางแผนจะพำนักนานที่สุด ในกรณีที่ไม่ชัดเจนว่าท่านพำนักอยู่ในประเทศใดนานที่สุด ท่านสามารถยื่นใบสมัครขอวีซ่าเชงเก็นได้จากสถานทูตของประเทศที่ท่านจะเดินทางไปถึงเป็นประเทศแรก